การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ Patek Philippe
07 Aug, 2023 / By
Sloanetimecollection
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ Patek Philippe
การเปิดตลาดที่อเมริกา ถือว่าเป็นการเดินหมากที่ชาญฉลาดมากของ Patek Philippe เมื่อผู้บริหารบริษัทเครื่องเพชรทิฟฟานี แอนด์ โค (Tiffany & Co) นามว่า Charles Tiffany (ชาร์ล ทิฟฟานี) พบกับ Patek ที่นครนิวยอร์ค เมื่อปี ค.ศ 1851 ทั้งคู่ได้จับมือร่วมธุรกิจกัน โดยทิฟฟานีสั่งทำนาฬิการุ่นพิเศษจำนวน 150 เรือน ในชื่อรุ่น Nautilus 5711 และได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Patek Philippe นับตั้งแต่นั้น ด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงเป็นทุนเดิมของปาเต็ก การตระเวนไปยังหลายๆ ประเทศช่วงทำการตลาดให้กับแบรนด์ ส่งผลให้สุขภาพของเขาเริ่มทรุดลง ในปี ค.ศ. 1875 โรคโลหิตจางที่เขาเผชิญอยู่มีอาการแย่ลงมาก Cingria, Rouge and Köhn ลูกจ้างทั้ง 3 คนของเขาจึงเข้ามามีบทบาทในการอัดฉีดเงินทุนของบริษัท และกลายเป็นเจ้าของร่วมไปโดยปริยาย ปาเต็กเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ปี ค.ศ. 1877 อายุเพียง 65 ปีเท่านั้น
ในปี ค.ศ. 1891 ฟิลีปป์ ซึ่งในขณะนั้นมีอายุ 76 ปี (2 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต) ได้ส่งมอบตำแหน่งช่างทำนาฬิกาให้กับลูกชายคนเล็กของเขา โจเซฟ เอมีล ฟิลีปป์ (Joseph Emile Philippe) ในปีเดียวกันนั้นเอง Köhn ออกจากบริษัทและ Cingria ก็คืนหุ้นของเขาด้วย
ในปี ค.ศ. 1901 Patek Philippe & Cie ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Ancienne Manufacturing d’horlogerie Patek, Philippe & Cie, Société Anonyme” เป็นบริษัทร่วมทุน มีทุนสวิสฟรังก์ มูลค่า 1.6 ล้านฟรังก์ และผู้ถือหุ้นห้าในเจ็ดคนดำรงตำแหน่งกรรมการ บริษัท A. Bénassy-Philippe ในฐานะประธานโดยมีสมาชิกคือ ฌอง-ปิแอร์ (Jean Perrier) ฟรองซัว อองตวน กงตี (François Antoine Conty) โจเซฟ เอมีล ฟิลีปป์ (Joseph Emile Philippe) และอัลเฟรด จี สแตง (Alfred G. Stein) โดยมีการจัดการและบริหารอยู่ที่สำนักงานเมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่นาฬิกาแบรนด์ Patek Philippe กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ในช่วงยุคต้นศตวรรษที่ 20 อเมริกาคือชาติที่ร่ำรวย และถือเป็นมหาอำนาจทางการเงินในสมัยนั้น เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่จากยอดขายของนาฬิกา Patek Philippe มาจากชาวอเมริกันแทบทั้งสิ้น อ้างอิงจากบันทึกของบริษัทในปี ค.ศ. 1925 ที่กล่าวว่า อเมริกาทางเหนือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีคุณค่าสูงสุดสำหรับพวกเขา ผลงานเลอค่าต่างๆ ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นชิ้นแล้วชิ้นเล่า สนองความต้องการของเหล่ามหาเศรษฐีไปจนถึงนักธุรกิจพันล้าน นาฬิกา Patek Philippe จึงกลายเป็นของสะสมของเหล่าคนมีเงินในทันที
หลังการเสียชีวิตของ Joseph Emile Philippe ลูกชายของเขา เอเดรียง (Adrien) ได้เข้ารับบริหารงานต่อในฐานะทายาทคนสุดท้ายของครอบครัวผู้ก่อตั้ง ผลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก จึงเริ่มมองหานายทุนใหม่ นั่นคือจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของแบรนด์ Patek Philippe ภายใต้การบริหารงานของตระกูล สะเติน (Stern)
ในปี ค.ศ. 1929 เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก เมื่อตลาดหลักทรัพย์ Wall Street ของสหรัฐอเมริกาตกลงอย่างฉับพลัน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ อังคารทมิฬ (Black Tuesday) เป็นวิกฤตการการเงินที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา เป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ที่มีผลกระทบทั่วโลก ซึ่งบริษัทนาฬิกา Ancienne Manufacture d’horlogerie Patek, Philippe & Cie SA ก็ไม่พ้นจากห้วงเหวนี้เช่นกัน
จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งยิ่งใหญ่ (The Great Depression) นาฬิกาหรูราคาแพง จึงไม่ใช่ของจำเป็นอีกต่อไป เมื่อไม่มีกำลังซื้อ ก็ไม่มียอดขาย ลูกค้าหลายรายต่างผิดนัดชำระหนี้ ทำให้บริษัทตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องเผชิญหน้ากับหายนะทางการเงินที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันการถูกซื้อหุ้นโดยบริษัทคู่แข่ง ทางกลุ่มผู้บริหารได้ทำการติดต่อไปยัง พี่น้องตระกูล สะเติน (Stern) คือ ชาร์ล และ ฌอง สะเติน เจ้าของบริษัท “Cadrans Stern Frères” ผู้ผลิตหน้าปัดคุณภาพชั้นนำ ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัสดุอุปกรณ์ให้กับ Patek Philippe ที่ดีรายหนึ่งมานาน และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ต่างตกลงใจร่วมกันในการที่จะดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของนาฬิกาสวิส
The Stern Brothers ไม่เพียงแต่ช่วยงาน Patek Philippe เท่านั้น แต่ยังได้ซื้อหุ้นในบริษัทด้วยในปี ค.ศ. 1932 และต่อมาได้ถือหุ้นเต็มภายในปีเดียวกัน
Patek Philippe ในปัจจุบัน
ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1839 จนถึงปัจจุบัน Patek Philippe ผลิตนาฬิกาออกมาน้อยกว่า 1 ล้านเรือน โดยแต่ละเรือนใช้ช่างฝีมือประกอบชิ้นนาฬิกาด้วยมือเท่านั้น พิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่คนออกแบบระบบกลไก คนผลิตชิ้นส่วนแต่ละชิ้น แต่ละรุ่นมีระยะเวลาผลิตที่แตกต่างกันไป เช่น รุ่น Basic ใช้เวลาผลิต 9 เดือน หรือในรุ่น Complicate ที่ใช้เวลาการผลิตถึง 2 ปี
นาฬิกาของ Patek Philippe มีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าทุกปี ทั้งรุ่น Modern และ Vintage ถือได้ว่าเป็นนาฬิกาที่คุ้มค่าต่อการลงทุน ดังคำกล่าวที่ว่า “You never actually own a Patek Philippe. You merely look after it for the next generation.” คุณไม่ได้เป็นเจ้าของนาฬิกา Patek Philippe จริงๆ แต่คุณแค่เก็บรักษามันไว้เพื่อคนรุ่นหลัง
สิ่งที่ทำให้ Patek Philippe ยังคงมั่นคงและยืนหนึ่งในคุณภาพระดับโลก นั่นคือความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น จากรางวัลและสิทธิบัตรต่างๆก็เป็นเครื่องการันตีถึงคุณภาพได้อย่างดี ปัจจุบัน Patek Philippe ยังอยู่ภายใต้การบริหารงานของตระกูล Stern
และนี่คือเรื่องราวของ ประวัติแบรนด์ Patek Philippe ที่มีจุดเริ่มต้นจากทหารชาวโปแลนด์ที่ถูกเนรเทศ จนถึงจุดกำเนิดของแบรนด์ ที่ผ่านความท้าทายและความยากลำบาก จนมาถึงแบรนด์นาฬิกาเลอค่าในปัจจุบัน ที่ยังคงมั่นคงในความเป็นตัวตนดั้งเดิม
อ้างอิงแหล่งข้อมูล https://style.katexoxo.com